วิธีการปลูก แก้วมังกร

Last updated: 23 พ.ค. 2563  |  66896 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีการปลูก แก้วมังกร

วิธีการปลูก 
How to grow Dragon Fruit -  Planting Technique

การเลือกกิ่งที่จะทำมาปลูก

การเลือกกิ่งที่จะมาปลูกนั้นสำคัญคือควรจะใช้กิ่งที่แก่หน่อยและแข็งแรงมีอายุอย่างต่ำ 2-3 ปีขึ้นไป ต้องเป็นกิ่งที่แข็งแร็งมีรากฝอยและตัดจากต้นแม่พันธ์ุ เพราะว่าแกนจะใหญ่เพื่อให้รากออกมาได้มากเมื่อเป็นต้นพันธ์ุจะแข็งแรง ช่วยให้ระบบรากแข็งแร็งเพราะ รากจะออกมาจากแกนนั้นๆ ดังนั้นถ้ากิ่งอายุน้อย รากจะออกมาได้น้อย ถ้าไปปลูกได้ 2-3 เดือน ลูกค้าจะเจอปัญหา คือโคนเน่า ยิ่งเจอฝนตกมากๆ ก็จะทำให้เน่า ลำต้นเหี่ยวแห้ง เป็นเพราะระบบรากที่ไม่สมบูรณ์นี้เอง

แกนรากกิ่งพันธุ์แก้วมังกร Kennydragonfruit

ความยาวของกิ่งพันธ์ุ  เลือกขนาดกิ่งยาวที่เหมาะกับการปลูกที่สุด เริ่มต้นที่ความยาว 45 cm ยิ่งยาวได้ดี เพื่อให้โตได้เร็ว แทงยอดขึ้นเสาได้เร็วขึ่น ไม่ต้องเสี่ยงกับกิ่งอ่อนที่อาจจะมีปัญหาของมดคันไฟที่มาทำลาย

จริงๆแล้วการขยายพันธ์ุ ทำได้หลายวิธี แต่วิธีปักชำกิ่งนิยมที่สุด ลดความเสียงจากการที่ต้นไม่สมบูรณ์หรือเกิดการกลายพันธ์ุได้ บางคนลองใช้การเพาะเมล็ด เราไม่แนะนำให้ทำครับ ลองอ่านจากบทความก่อนหน้าที่ผมเขียนได้ว่าข้อดี ข้อเสียเป็นอย่างไร เพาะเมล็ดแก้วมังกร

ตัดกิ่งจากแม่พัน ประมาณนี้ 45 cm หรือ 1 ไม้บรรทัดครึ่ง ท่อนำ้เลี้ยงแกนกลางต้องใหญ่แข็งแรงนะครับ

   กิ่งพันธุ์แก้วมังกร Kennydragonfruit

ปักชำให้มีรากฝอยแบบนี้ก่อนลงปลูก ก็จะทำให้เกาะกับเสาปลูก และเจริญเติบได้ดี

 รากกิ่งพันธุ์แก้วมังกร Kennydragonfruit

ชมวีดีโอแนะนำการปลูกด้านล่างได้เลย  (ขอบคุณรายการทรู ที่ถ่ายทำให้ครับ)

 

เตรียมความพร้อม สภาพแวดล้อมก่อนปลูก

ก่อนปลูก ผมได้สรุปข้อหลักๆที่ควรเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับทำเล และสภาพแวดล้อมในการปลูก สามารถดูจากรายการด้านล่างได้เลยครับ 

ลำดับรายการความเหมาะสมของแก้วมังกรข้อจำกัด
1.สภาพอากาศ
  • ควรมีแสงแดดทั้งวัน
  • อุณหภูมิเฉลี่ยนที่แก้วมังกรต้องการอยู่ที่ 20-30 องศา
ถ้าอุณภูมิสูงเกินไป อาจทำให้กิ่งไหม้ หรือ Sun burn ได้
2.สภาพพื้นที่
  • ไม่มีน้ำขัง อยู่บริเวณราก และโคนต้น
  • มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 100-800 เมตร
  • อากาศร้อน แดดจัด เตรียมที่ปลูกโล่งแจ้ง ไม่มีร่มเงา
  • พื้นที่ราบ ไม่ลาดชัน 45 องศา
สภาพพื้นที่โล่งแจ้ง
3.สภาพดิน


  • ปลูกได้ทุกสภาพดิน
  • ค่า PH อยู่ระหว่าง 5.3-6.7
ดินไม่ควรแน่นจนเกินไป และ ระบายน้ำได้ดี
4.ความต้องการธาตุอาหาร
  • ก่อนที่จะมีผลผลิตให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15
  •  ในช่วงที่ติดดอกแล้วให้ปุ๋ยสูตร 8-24-24
หากไนโตรเจนสูงเกินไป อาจทำให้การติดผลลดลง เนื้อนิ่มและมีกลิ่นเหม็นเขียว
5.ปริมาณน้ำฝน
  • ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเพียงพอต่อการเติบโตของแก้วมังกร คือ 1000 - 1500 มม./ปี
ปริมาณน้ำฝนทีมากเกินความต้องการอาจทำให้ดอกหลุดและผลเน่าเสียได้
6.ลม
  • อากาศโปร่ง มีลมพัดผ่านแต่ต้องไม่เป็นลมพายุ
ลมที่พัดแรงเกินไปอาตทำให้ดอกหลุด ไม่ติดผลได้


หากพื้นที่ที่เรามีไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงให้พร้อมก่อน เช่น ปรับปรุงหน้าดินด้วยวิธีต่างๆ เช่น หากดินเป็นดินเหนียว ซึ่งดินมีความเป็นกรดจัดอาจขาดธาตุอาหารพืชพวกไนโตรเจน ฟอสฟอรัส หรืออาจมีสารละลายอลูมินัม และเหล็กมากเกินไปจนเป็นพิษต่อพืช ทางฟาร์มจึงเกิดปัญหาด้านดินเปรี้ยวจัด ส่งผลกระทบต่อการปลูกแก้วมังกรเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการเจริญเติบโตของแก้วมังกรตลอดจนการออกดอกออกผลของแก้วมังกร ซึ่งแก้วมังกรมีความต้องการดิน ค่าpHอยู่ที่ 5.3-6.7ดินในกลุ่มนี้จึงต้องมีการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน

การจัดการกลุ่มดินที่มีความเปรี้ยวจัดโดยวิธีการใส่วัสดุปูน เช่น ปูนมาร์ล ปูนขาว หินปูนบด หินปูนฝุ่น ผสมคลุกเคล้ากับหน้าดินในอัตราที่เหมาะสมตามความต้องการปูนของดินหรือปริมาณ 2 ตันต่อไร่ เพื่อปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดความเป็นกรดในดินของทางฟาร์มแก้วมังกร ทางฟาร์มมีการขุดร่องน้าเพื่อการจัดการน้ารวมถึงการควบคุมน้าและการจัดการระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

 

เลือกสายพันธ์ุที่ปลูก 

แก้วมังกรจะเลือกพันธ์ุไหนดี ข้อดีและข้อเสียแต่ละพันธ์ุ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์เนื้อขาวเวียดนาม พันธุ์สีเหลืองอิสราเอล หรือ พันธุ์เนื้อแดงไต้หวัน แต่ละพันธุ์ก็มีจุดด้อยเด่นต่างกันไป ทางผมเองก็บอกยากครับว่า ลูกค้าควรจะปลูกพันธุ์ไหน แล้วแต่ความชอบกันเลย

สายพันธ์ุจุดเด่นจุดด้อย
แก้วมังกรเนื้อขาวเปลือกสีแดงเวียดนามเป็นที่นิยมของตลาด
ติดผลง่าย มีผลตอบแทนต่อไร่สูง อย่างไรก็ตามอาจออกดอกช้าและให้ผลผลิตเพียง 15 รอบ
ผลโดยเฉลี่ยมีขนาดใหญ่กว่าพันธุ์อื่น
เนื้อมีความกรอบกว่า
เวลาในการปลูกโตได้รวดเร็วกว่าพันธุ์อื่น
ขาวรสชาติจะออกอมหวานอมเปรี้ยว
เม็ดมีกลิ่นเหม็นเขียวกว่า
อ่อนแอกว่าพันธุ์อื่น ติดโรคได้ง่ายโดยเฉพาะโรคราสนิมเนื่องจากผลดกใหญ่เวลาออกผลในหน้าฝนโรคราสนิมเข้าทําลายได้ง่ายโดยเฉพาะในแปลงที่มีการระบาดอยู่แล้วจะควบคุมโรคได้ยากกว่าแดงกับทอง
แก้วมังกรพันธ์ุเนื้อสีแดงเปลือกสีแดงไต้หวันเนื้อสีแดงมีสารแอนติออกซิแดนท์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สีแดงชมพูสามารถนำมาผสมอาหารหรือขนมได้ เหมาะกับการนำมาแปรรูปได้หลากหลาย
ผลตอบแทนต่อไร่น้อยกว่าสีขาว
ออกดอกเร็วให้ผลผลิตได้ถึง 16–17 รอบต่อปี
เติบโตเร็วคล้ายพันธุ์เนื้อสีขาว
รสชาติหวานมากที่สุดในทุกสายพันธุ์ ไม่เปรี้ยว
อึดกว่าพันธุ์สีขาว ทนต่อโรคราสนิมมากกว่า
เนื้อมีน้ำเยอะ ไม่กรอบเท่าสีขาว
แก้วมังกรพันธ์ุเนื้อสีขาวเปลือกสีเหลืองอิสราเอล หรือพันธุ์สีทองรสชาติหวานมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวคล้ายลิ้นจี่
สายพันธุ์ใหม่เมื่อ 6–7 ปีมานี้
เนื้อนุ่มคล้ายเจลลี่
ให้ผลตอบแทนต่อไร่น้อยสุด (นับจากจำนวนผลผลิต)
ออกดอกเร็วให้ผลผลิตได้ถึง 16–17 รอบต่อปี
ติดผลได้ยากกว่าพันธ์ุอื่น
เติบโตช้ากว่า
ผลขนาดไม่ใหญ่เท่าสายพันธ์ุอื่น

 

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kennydragonfruit.com/dragonfruit


วิธีการปลูกสามารถปลูกได้ 2 รูปแบบได้แก่

1. ปลูกในกระถาง (Growing in the plant pot)

ใช้ต้นแก้วมังกร 1–2 ต้นต่อหนึ่งหลัก การปลูกในกระถางเป็นการปลูกเพื่อไว้ประดับหรือเป็นไม้มงคลเท่านั้น

 

 

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการปลูก

  1. ท่อน้ำทิ้งข้างในกลวงหน้ากว้าง4 นิ้ว ยาว 1.3 เมตร(หรือเสาไม้ก็ได้)
  2. กระถางหน้ากว้าง 50 ซ.ม.
  3. ค้างด้านบนอาจทำจากไม้หรือปูนเป็นรูป 4 เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง x ยาว 30 ซ.ม
  4. ขุยมะพร้าว
  5. ดิน
  6. เชือกฟาง
  7. สกรูและน๊อต
วิธีการปลูก
  1. ใช้เสาตั้งเป็นหลักในกระถาง ยึดค้างไว้ด้านบนด้านสกรูหรือน้อต
  2. ใส่ขุยมะพร้าวรองก้นกระถาง เพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ดีในอัตราส่วน1ใน3ของปริมาตรกระถาง จากนั้น
  3. นำดินสำเร็จรูปผสมกับขุยมะพร้าวหรือแกลบดำ ใส่ลงไปในกระถางจนถึงขอบกระถาง
  4. นำต้นแก้วมังกรมาปลูกให้ชิดกับเสาแล้วใช้เชือกฟางมัดต้นแก้วมังกรให้ติดกับเสาไม่ต้อง(มัดให้แน่นมาก ควรผูกไว้จนกว่าต้นแก้วมังกรจะเจริญเติบโตจนพ้นหัวเสา)
  5. จากนั้นนำดินมากลบด้านบนของกระถางเป็นอันเสร็จ

**ต้นแก้วมังกร เป็นสามเหลี่ยมแต่จะมีอยู่ด้านหนึ่งที่เป็นด้านแบน ดังนั้นเวลาผูกต้นแก้วมังกร ให้จับด้านแบนของต้นเข้ากับหลักเพราะว่าด้านแบนเป็นด้านที่จะออกราก


  

 

2. ปลูกแก้วมังกรในพื้นที่กว้าง (Growing on the Ground)

ใช้ต้นแก้วมังกร 4 ต้นต่อหนึ่งหลัก

  

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการปลูก
  1. ท่อน้ำทิ้งข้างในกลวงหน้ากว้าง6 นิ้ว ยาว 2 เมตร(หรือเสาไม้ก็ได้)
  2. ค้างด้านบนอาจทำจากไม้หรือปูนเป็นรูป 4 เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง x ยาว 30 ซ.ม
  3. ดิน
  4. เชือกฟาง
  5. สกรูและน๊อต

วิธีการปลูก

  1. ใช้เสาท่อน้ำทิ้งข้างในกลวง ตั้งเป็นหลัก
  2. ขุดดินลึกลงไป 50 ซ.ม. จากนั้นนำเสาฝั้งลงไป50ซม.เสาจะโผล่จากดิน150ซม.ตําเสาให้แน่นจับระดับน้ำทุกด้าน.
  3. ฟันให้เป็นโขดรอบหลักลักษณะคล้ายฝาชี จากนั้นก็นำต้นแก้วมังกร 4ต้น มาปลูกลง 4 ด้านของหลัก โดยใช้เชือกฟางมัดแบบหลวมๆต้องมัดจนกว่าจะพ้นหัวหลัก
  4. จากนั้นนำดินข้างๆโขดมากลบบนต้นที่ปลูก แต่ลักษณะยังคงคล้ายฝาชี การทำโขดแบบฝาชี เผื่อให้น้ำสามารถไหลผ่านโดยไม่ขังอยู่ที่โคนต้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดโรคโคนเน่า
  5. ใช้ฟางปิดรอบโขดเป็นอันเสร็จ

**ต้นแก้วมังกร เป็นสามเหลี่ยมแต่จะมีอยู่ด้านหนึ่งที่เป็นด้านแบน ดังนั้นเวลาผูกต้นแก้วมังกร ให้จับด้านแบนของต้นเข้ากับหลักเพราะว่าด้านแบนเป็นด้านที่จะออกราก

 ระยะห่าง ระหว่างแต่ละเสาแก้วมังกร

การปลูกแก้วมังกร ควรเว้นระยะขั้นต่ำประมาณ 3x3 เมตร เพื่อให้แก้วมังกรหยั่งรากลงไปรับสารอาหารได้เต็มที่ และทำให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต 
 
   

โรคและแมลงของแกัวมังกร
 
แก้วมังกรมีความเสี่ยงด้านโรคอยู่3ประเภท คือ โรคที่เกิดจากเชื้อรา โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และโรคที่เกิดจากแมลงศัตรูพืช
 
 
 
ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคในแก้วมังกรมีแตกต่างกันแล้วแต่ช่วงเวลา เราจึงควร เตรียมการ ป้องกัน ไว้แต่เนิ่นๆครับ ผมแนะนำให้ใช้ตารางด้านบน อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกฟาร์มจะเกิดปัญหาดังกล่าว เพราะขึ้นอยู่กับทำเล สภาพแวดล้อมและภูมิอากาศด้วยเช่นกัน
 
แนวทางการกำจัดโรคราน้ำค้าง / ราสนิม 
ตัดกิ่งที่เน่าออกให้หมดก่อนและเผาทาลายทิ้งนอกแปลง แต่งพุ่มให้โปร่งเพื่อการ ถ่ายเทอากาศได้ดี ลดการเกิดเชื้อได้ดีโดยพ่นยาชื่อ อามูเร่หรือพาโต้เร่ + กับฟังกูรานฉีดทุก 7 วัน ประมาณ 4–5 ครั้ง ถ้าดีขึ้นก็ลดเป็น 10–15วัน ครั้ง 
 

แนวทางการกำจัดเพลี้ยไฟ 
รักษาแปลงปลูกให้สะอาด มีการตัดแต่งกิ่งตามสมควร ห่อผลด้วยวัสดุต่างๆ และ ในเวลาที่เหมาะสม พ่นด้วยสารฆ่าแมลงกลุ่มแอสเซนต์ ในอัตรา 20-30 มิลลิลิตร ต่อน้า 20 ลิตร ทุกๆ 7 วัน หรือการใช้น้ามันปิโตรเลียม ได้แก่ ดีซี ตรอน พลัส 83.9% EC หรือ เอส เค 99 83.9% EC หรือซันสเปรย์ อัลตร้า ฟรายด์ 83.9% EC อัตรา 60 มิลลิลิตร/น้า 20 ลิตร 

แนวทางการกำจัดแมลงวันทอง 
พ่นด้วยสารฆ่าแมลงกลุ่มมาลาไทออน คาร์โบซัลแฟน(พอสซ์20%EC) เมทิโอ คาร์บ(เมซูโรล50%WP)อย่างไรอย่างหนึ่งโดยวิธีการพ่นสลับด้วยช่วงพ่น 5 วันครั้งจนกว่าการระบาดลดลง
 
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละโรคได้จากบทความนี้ครับ +การป้องกันโรคและแมลง 
 
 
ผมได้เขียนบทความและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการปลูกแก้วมังกรอื่นๆ ที่ควรรู้ไว้ด้านล่างนี้แล้วครับ
 

 หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ติดต่อเข้ามาที่ Page เราได้เลยครับ ผมสุทธิศักดิ์ Kenny พร้อมให้คำปรึกษาครับ

GROWING DRAGON FRUIT (ENG VERSION)

Stem Cutting is the most prefferred method for commercial planting, Cutting stems should be selected from highly producing and health trees with age around 3 years old, the stems should be around 80–125 long

Growing on the Ground

Growing in the plant pot (using 1–2 branches per one pole) Growing in the plant pot is used for decoration only not for commercial purpose.


Needed equipment and materials

  1. hollow cement water pipe with 1.3 meters long and 4 inches diameter(or wooden pole)
  2. plant pot ½ meter diameter
  3. wooden or cement shoulder square 30×30 cms
  4. dry coconut flakes
  5. Soil
  6. Rope
  7. Knots and screw

Growing procedure

  1. set water pipe up in the pot ,attach the shoulder square on the top with screw and knot
  2. put dry coconut flakes in the bottom of pot for 1/3 of the pot volume
  3. full the rest with the soil mixed with coconut flakes.
  4. plunge dragon fruit branch down around the water pipe, tie it with water pipe by using rope(don’t tie too tight)
  5. top one more layer of soil in the pot.

Note: dragon fruit branch has 3 edge shape, the flattest side should be attached with the pole because that the climber root will come out from that side.

 

Growing in the pot

Growing on the ground in open area (using 4 branches per one pole)

Needed Equipments and materials

  1.  hollow cement water pipe with 2 meters long and 6 inches diameter(or wooden
  2. soil
  3. Rope
  4. wood square 30×30cm. Or cement squares
  5. Knots and screw

Growing procedure

  1. set water pipe up, attach the shoulder square on the top with screw and knot
  2. dig the hole with 30 cms depth, stab half of 60 cms pine or bamboo stick in bottom of the hole and leave the other half point upward. insert water pipe in the hole by putting foundation pin inside the pipe. Add 1 bucket of cement inside.
  3. add the soil around the pole like the upside down-bowl shape in order to avoid flood of water around the root and reduce spoil root problem
  4. plunge dragon fruit branch down around the water pipe, tie it with water pipe by using rope(don’t tie too tight)
  5. top one more layer of soil but still keep it in the same shape. Put rice straw on top.

Note: dragon fruit branch has 3 edge shape, the flattest side should be attached with the pole because that the climber root will come out from that side.

If you need more info feel free to contact me Kenny, More than happy to help !

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้